top of page

รีวิวเรียลจริงจากใจ คอร์ส Diploma of Hospitality ออสเตรเลีย by Admin AEG

เรียนเซอร์เรียนดิฟที่ออสเป็นยังไง !?

AEG เชื่อว่าน้องหลายๆคน อาจจะสงสัยว่า
การเรียน คอร์ส Certificate หรือ Diploma ที่ออสเตรเลีย

▪ เป็นยังไง ❓

▪ เรียนยากไหม ❓

▪ ระหว่างเรียน จะแบ่งเวลาไปทำอย่างอื่นด้วยได้ไหม ❓

▪ ไปเรียนกี่วัน ❓

▪ เรียนแล้วได้อะไรบ้าง ❓



#จากประสบการณ์โดยตรง ของแอดผู้ร่ำเรียนคอร์ส Diploma มาหลายใบ เช่น Business, Hospitality, รวมทั้งคอร์สนวด Remedial Massage ที่หลายคนสนใจ แอดมินใช้ชีวิตไม่ต่างกับน้องๆหลายคนที่ออส คือ ลงเรียนดิฟ ลงเรียนเซอร์ เรียนไปด้วย ทำงานเก็บเงินไปด้วย แบบสายชิว เน้นส่งงาน ไปเรียนบ้าง หยุดบ้าง มาหลายปี


แต่วันนี้แอดจะมาพูดถึงคอร์ส "Diploma of Hospitality" คอร์สนี้ถ้าว่ากันตามเกณฑ์ คือ จะลงเรียนได้ ก็ต้องมีผลภาษา #IELTS 5.5 เป็นอย่างน้อย #แต่ในความเป็นจริง ถ้าตัวเราอยู่ที่ออสเป็นเรื่องง่ายมากที่จะลงเรียนคอร์สระดับนี้โดยไม่ต้องมีผลไอเอล ถ้าผลภาษาไม่ถึงก็ไปสอบ Placement test กับโรงเรียนได้ หรือจริงๆมันก็มีหลายวิธีอยู่ แต่เอาเป็นว่ามันไม่ยากอย่างที่คนเขาพูดกัน เมื่อตัวเราอยู่ที่ออสแล้ว (บางอย่างมันก็พูดออกสื่อไม่ได้เนอะ 😅)


 

มากันที่คอร์สพระเอกของเราในวันนี้

🔰 Diploma of Hospitality 🔰


1 - Diploma of Hospitality แปลเป็นไทย คือ เป็นคอร์สวิชาชีพเกี่ยวกับด้านการบริการ พวกสายโรงแรม สายท่องเที่ยว เทียบกับบ้านเราก็คือสายวิชาชีพคือ ปวส. คอร์สนี้ระยะเวลา 1 ปี ตารางเรียน ส่วนใหญ่เขาจะมีตารางเรียนกัน 2 - 2.5 วันต่ออาทิตย์ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับโรงเรียนด้วยนะ


2 - ในส่วนการเรียนคอร์ส Diploma นี้จริงๆเค้าจะเน้นให้เราทำงานส่ง ไม่ค่อยเน้นเข้าห้องเรียน จะเป็นสไตล์การทำงานส่งในรูปแบบออนไลน์ซะมากกว่า


3 - ใน 1 วิชาอาจจะมีงานให้เราต้องทำส่ง 3 - 4 ชิ้น ในรูปแบบรายงาน พรีเซนท์หน้าห้อง หรือทำงานเป็น Project ร่วมกับเพื่อนในห้อง เทอมหนึ่งเราจะเรียนอยู่ประมาณ 3 - 4 วิชา และหนึ่งเทอมก็จะเรียนประมาณ 3 เดือน รวมเบรก 2 - 3 อาทิตย์ ก็จะเท่ากับว่าเราจะมีงานต้องส่งในหนึ่งเทอมประมาณ 10 - 12 ชิ้นได้อยู่


4 - ถามว่างาน assessment ที่เราต้องทำส่งยากไหม เอาตรงๆไม่ยากเลย บางงานก็ให้ทำกันกับเพื่อนในห้อง อาจารย์ก็สอนตามสไลท์ สอนเสร็จก็ให้ไปทำ มีระยะเวลากำหนดส่ง 1-2 อาทิตย์


5 - สิ่งที่ดีของระบบการเรียนการสอนในออสเกือบทุกที่คือ โรงเรียนจะมีระบบที่ให้นักเรียนส่งงานในรูปแบบออนไลน์ ทำในคอม ทำเสร็จ ล็อคอินเข้าระบบ กดส่ง แจ้งผลผ่าน / ไม่ผ่านทางออนไลน์ แต่ก็จะมีบ้างที่ต้องปริ้นหรือเขียนกระดาษส่ง บางทีไม่ไปเรียนก็ยังไม่เป็นไร เพราะเรามีส่งงาน เราจะมีเวลาทำงาน เวลาทำอะไรเยอะมากกว่าตอนไปเรียนภาษา แค่สำคัญที่เราต้องคอยตามงาน คอยเช็คว่างานเราผ่านไหม


6 - สำหรับคอร์ส Hospitality ที่แอดมินลงเรียนจะเน้นกิจกรรมในเชิงปฎิบัติมากกว่า มีพาไปทัศนศึกษาด้วยนะ ซึ่งเอาจริงๆคอร์ส Diploma ส่วนใหญ่พวก Business, Marketing ที่เด็กไทยชอบเรียน จะเน้นเรียนในห้อง + ส่งงานในห้องมากกว่า


7 - ส่วนที่แอดได้เรียน / ได้ทำ มีสิ่งที่ชอบของคอร์สนี้ คือ โรงเรียนมีพาไป #ไร่ไวน์ พาไป #สอนการชิมไวน์ ไวน์แต่ละประเภทเป็นยังไง พาไป Fish Market รู้จัก RSA, RCG คืออะไร (คนที่อยู่ที่ออสจะรู้เป็นการเรียนเพื่อเอาใบ License ในการไปเสริฟเครื่องดื่มแอลตามผับ / บาร์) รวมตัวไปกินข้าวกันข้างนอกกับอาจารย์ อาจารย์ก็ค่อนข้างเป็นกันเองกับทุกคนมาก สามารถเรียกชื่อเลยได้ ไม่ต้องมา teacher ให้วุ่นวาย มีการจัดงานภายในโรงเรียน สอนการจัดห้องอาหาร โต๊ะสำหรับโรงแรม มีแต่งชุดด้วย


 

🔰 สิ่งประทับใจ 🔰

1 - อีกอันที่เป็นโปรเจคก่อนจบที่ #แอดประทับใจ เลยคือ ให้ทั้งห้องเรียนร่วมกันจัดงาน Event เป็นของตัวเอง คืออารมณ์เป็น organize กันเอง หาสปอนเซอร์ ติดต่อที่จัดงาน เชิญแขกเอง มีอาหาร


2 - แต่ละคนจะมีหน้าที่แตกต่างกัน สถานที่ๆเราจัดก็ไปได้เป็นฟาร์ม ม้า นอกเมือง มีธีมแต่งตัวกันเป็น Cowboy มีพื้นที่ให้ทำกิจกรรม ที่ดีมากๆคือเราได้เรียนรู้ ได้ใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อสื่อสารจริงๆ ได้รู้จักคน ได้รู้ว่าต้องแก้ปัญหากันยังไง ได้เรียนรู้การทำงานในแบบที่เราไม่เคยรู้มาก่อน โดยจะมีอาจารย์เป็นคนให้คำแนะนำ และช่วยเหลือเบื้องหลัง พร้อมกับทางโรงเรียนด้วย


3 - แอดมองว่ามันก็เป็นการเรียนที่สนุกและแตกต่างกับการเรียนที่ไทยจริงๆ ในคลาสเรียนของแอดเองก็มีนักเรียนจากหลายเชื้อชาติ มันทำให้เราได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากคนชาติอื่น ได้คอนเนคชั่น ได้รู้ว่าเด็กชาติอื่นที่เค้ามาที่ออส เค้ามีจุดหมายแตกต่างกัน


4 - แอดต้องบอกว่า น้องหลายคนที่ตัดสินใจจะเรียนในพวกคอร์ส Diploma หลังเรียนจบภาษาจะมีเปอร์เซ็นต์โฟกัสไปเรื่องงานมากกว่าเรียน เพราะค่าเรียนถูกกว่าภาษามากจะพยายามหาที่เรียนที่ชิว เรียนน้อย ไม่เครียด ยิ่งคนไทยเรียนกันเยอะยิ่งดี ไม่เหงาดี บางที งานการบ้านก็ลอกเพื่อนเอา หรือ จ้างเอา (ปล. ตรงนี้อาจจะเรียลๆหน่อย แต่ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำนะครับ 😅)


5 - ถามว่าโอกาสในการที่เราจะได้พัฒนาตัวเราเองจากการเรียนคอร์ส Diploma ก็จะต่างออกไปตามจุดประสงค์ครับ ใครโฟกัสตรงไหน ก็จะได้จุดนั้น


6 - ถ้าเลือกเรียนเพราะเน้นงาน ก็จะค่อนข้างได้พัฒนาองค์ความรู้น้อยกว่าตอนเรียนภาษาแน่นอน แต่ถ้าเรามีความตั้งใจ หรือใฝ่ในการเรียน ลงเรียนเพราะอยากได้ความรู้สายวิชาชีพจริงๆและการใช้ภาษา มันจะได้ใช้ในเรื่องของ Academic การเขียนรายงาน การพรีเซนท์ การได้พูดคุยทำงานกลุ่มที่เยอะกว่า

.

.

#สุดท้ายนี้


แอดจะบอกว่าในความเป็นจริงการเรียนที่ระดับสูงขึ้นมาแบบนี้ น้องที่ไทยหลายคนจะยังมองภาพไม่ออก จะมองเปรียบเทียบกับการเรียน ป.ตรี ที่มหาลัยของเรา #แต่ในความเป็นจริง การเรียนในระดับวิชาชีพของที่ออส จะค่อนข้างสอนให้เรารู้จักคิด รู้จักที่จะเรียนรู้ด้วยตัวเอง ในหลายๆอย่าง จะแตกต่างกับตอนที่เราเรียนภาษา การโฟกัสเรื่องการเรียนในห้องและการทำชิ้นงานก็จะต่างกัน ความรับผิดชอบจะต่างกันไปด้วย

#นอกจากนี้ ความแตกต่างของทาง #AEG ที่ไม่เหมือนใครและยากที่เอเจนท์อื่นจะเหมือนคือ ทีมงานทุกคน เรียนที่ออสมาอยู่กันมาหลายปี ตัวแอดเองเรียนตั้งแต่ภาษา Certificate, Diploma จนจบปริญญาโทที่ออส ผ่านการทำงานตั้งแต่พื้นฐานที่น้องๆหลายคนทำ จนเปิดร้านนวด + มีออฟฟิศที่ซิดนีย์ กระทั่ง ผันตัวมาทำงานเอเจนท์ ทำให้เข้าใจและสามารถอธิบายให้น้องๆฟังได้เป็นฉากๆเลยว่าเป็นยังไง ไม่เพียงเฉพาะเรื่องเรียน บางอย่างด้านเทา ด้านดำ บางอย่างที่ไม่สามารถเขียนอธิบายออกมาได้ อะไรที่มันเป็นไปได้ อะไรที่มันใช่ก็พร้อมแนะนำ ไม่เคยขายฝันใคร

สุดท้ายต้องขอโทษน้องหลายคนที่แอดปฎิเสธ อาจจะพูดตรงๆไป แล้วไม่ถูกใจเหมือนที่อื่น แต่อยากให้รู้ว่าคนที่เคยโทรมาปรึกษา AEG จะรู้ว่าทุกๆอย่างมันมีเหตุและผลของมัน 🤍

 

ติดตามเรื่องราว - ข่าวสาร การเรียนต่อต่างประเทศ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา สหรัฐอเมริกา

ได้ในทุกช่องทางของเรา เพื่อไม่พลาดข่าวรายวันและการอัปเดตร้อน!


0 comments
bottom of page